- เสียงในภาษาไทยหนึ่งเสียงสามารถเขียนแทนด้วยพยัญชนะหลายตัว
(เช่น พยัญชนะ ‘ศ, ษ, ส, ซ’ ออกเสียง [s] พยัญชนะ ‘ท, ธ, ฒ, ถ, ฐ, ฑ’ ออกเสียง [th])
ภาษาเกาหลีเสียงพยัญชนะหรือสระหนึ่งเสียงจะเขียนแทนด้วยพยัญชนะหนึ่งตัว - พยัญชนะในภาษาไทยมี 21 ตัว (รวมเสียง ว, ย) เท่ากันกับภาษาเกาหลี
- พยัญชนะเสียงกักหรือเสียงระเบิดในภาษาไทยแบ่งได้เป็นคู่
- เทียบเสียงพยัญชนะแบบพ่นลมเบาและพ่นลมแรง
- ในภาษาเกาหลีจะแบ่งเป็นตามปริมาณการพ่นลมสามระดับคือ 평음, 경음, 격음 - ภาษาไทยมีพยัญชนะเสียงเสียดแทรก ฟ [f] แต่ภาษาเกาหลีไม่มี
- ภาษาไทยมีพยัญชนะ ล[l] และพยัญชนะ ร[r] แยกจากกัน
- แต่ในภาษาเกาหลีมีพยัญชนะ ‘ㄹ’ เพียงตัวเดียวแต่ออกเสียงได้ทั้งสองเสียง
- ภาษาไทยไม่มีตัวสะกด แม่กล แต่ภาษาเกาหลีมีตัวสะกด แม่กล
เช่น 달 (พระจันทร์), 말 (ม้า), 딸 (ลูกสาว) - สระในภาษาไทยแบ่งออกเป็นสามประเภท คือ
- สระเสียงสูง
- สระเสียงกลาง
- สระเสียงต่ำ
- สระเสียงสั้น
- สระเสียงยาว - ภาษาไทยพยางค์ทุกพยางค์จะต้องมีสระ
- ตำแหน่งพยัญชนะต้นสามารถมีเสียงพยัญชนะได้ถึงสองเสียง
- ตำแหน่งตัวสะกดสามารถออกเสียงได้เพียงหนึ่งเสียง
ภาษาเกาหลีพยางค์ทุกพยางค์จะต้องมีสระ
- ตำแหน่งพยัญชนะต้น
- ตำแหน่งตัวสะกดสามารถออกเสียงได้เพียงหนึ่งเสียงเท่านั้น - การออกเสียงตัวสะกดภาษาไทยและภาษาเกาหลีจะไม่ปล่อยลมออกมา กล่าวคือ
- ภาษาแถบยุโรปตัวสะกด เช่น [p, t, k, m, n, ŋ]
- เสียงที่เป็นเสียงระเบิดจะปล่อยลมออกมาส่วนเสียงนาสิกก็จะออกเสียงตามปกติ
- สำหรับภาษาเกาหลีจะมีเสียงตัวสะกดทั้งหมด 7 ตัวรวมถึงตัวสะกด ‘ㄹ แม่กล’
ที่ไม่มีในภาษาไทยด้วย - พยางค์แต่ละพยางค์ในภาษาไทยไม่มีการโยงเสียง
- ภาษาเกาหลีถ้าพยางค์หน้ามีตัวสะกดและพยางค์หลังขึ้นต้นด้วยสระ
ดังนั้นตัวสะกดในพยางค์หน้าจะโยงเสียงขึ้นไปเป็นเสียงพยัญชนะต้นของพยางค์หลัง
밥 을 → 밥 을 먹 어 요 → 먹 어 요 [바블][머거요] - การอ่านออกเสียงในภาษาไทยจะออกเสียงเป็นคำ คำ
- เมื่อพยัญชนะเจอกับพยัญชนะใดจึงไม่มีการแปรของเสียงเกิดขึ้น
- ภาษาเกาหลีจะมีการแปรของเสียงเกิดขึ้นเมื่อตัวสะกดในพยางค์หน้าเจอกับพยัญชนะต้นของพยางค์หลัง
ตัวอย่าง) ภาษาไทย: ‘ตกน้ำ [똑남]‘ ‘물에 빠지다’, ‘จับมือ [짭므]’ ‘손을 잡다’
ภาษาเกาหลี: 막내 ‘makne’ [maŋne]‘ลูกคนเล็ก (ของครอบครัว)’
밥물 ‘papmul’ [mammul] ‘น้ำ ข้าว’