วันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

第二十课:你去过九寨沟吗? บทที่ 20: คุณเคยไปจิ่วไจ้โกวไหม

第二十课:你去过九寨沟吗?
บทที่ 20: คุณเคยไปจิ่วไจ้โกวไหม

บทสนทนาที่ 1

  • nǐ qù guò xià wēi yí ma
    你 去  过  夏  威  夷 吗?
    คุณเคยไปฮาวายไหม
  • wǒ  méi qù guò
    我  没  去  过。
    ผมไม่เคยไป
  • nǐ qù guò jiǔ zhài  gōu ma
    你 去  过  九  寨  沟  吗?
    คุณเคยไปจิ่วไจ้โกวไหม
  • méi yǒu
    没  有。
    ไม่เคย
  • wǒ qù guò  jiǔ  zhài gōu de fēng jǐng měi jí  le
    我  去  过。 九  寨  沟  的  风  景  美 极 了!
    ผมเคยไป ทิวทัศน์ที่จิ่วไจ้โกวสวยงามมาก

บทสนทนาที่ 2

  • nǐ  tīng shuō  guò jiǔ zhài gōu ma
    你  听  说  过  九  寨  沟  吗?
    คุณเคยได้ยินชื่อจิ่วไจ้โกวไหม
  • tīng shuō guò  dàn  shì  bú tài  liǎo jiě
    听  说  过, 但  是  不 太  了  解。
    เคยครับ แต่ไม่ค่อยรู้ว่าที่นั่นเป็นยังไง
  • nàr kōng qì xīn xiān shān qīng shuǐ xiù
    那儿 空  气  新  鲜, 山  清  水  秀。
    wǒ  men yì qǐ  qù ba
    我  们  一 起 去 吧!
    ที่นั่นอากาศบริสุทธิ์ เขาสวยน้ำใส เราไปเที่ยวด้วยกันเถอะค่ะ
  • hǎo a
    好  啊!
    ดีครับ
คำอธิบายการใช้ภาษา

1. คำช่วยกาล "过"(เคย...)

คำช่วยกาล "过" (guò, เคย...) วางไว้หลังคำกริยาเพื่อแสดงว่ากริยานั้นเคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต มักใช้เน้นย้ำว่าเคยผ่านประสบการณ์นั้นๆ มา

2. ……极了

"极了"(jí le) ใช้ตามหลังคำคุณศัพท์เพื่อแสดงระดับ "มาก" หรือ "อย่างยิ่ง"

3. 那儿

"那儿"(nàr) หมายถึงสถานที่หรือตำแหน่ง แปลว่า "ที่นั่น" หรือพูดได้อีกอย่างว่า "那里" (nà lǐ) มีวิธีการใช้เหมือนกับคำว่า "这儿" (zhèr, ที่นี่) ในบทที่ 11

4. 山清水秀

สำนวน "山清水秀"(shān qīng shuǐ xiù) เป็นสำนวนที่ใช้บรรยายทัศนียภาพอันงดงามของภูเขาและสายน้ำ

เกร็ดวัฒนธรรม

สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจีน

กุ้ยหลิน

กุ้ยหลินเป็นเมืองที่มีทัศนียภาพงดงามแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน กุ้ยหลินมีลักษณะทางธรรมชาติที่โดดเด่นอยู่ 4 ประการคือ "เขาเขียว น้ำใส ถ้ำแปลกและหินงาม" ภูเขาที่กุ้ยหลินโก่งตัวสูงจากพื้นราบและมีหลากหลายรูปร่าง ภูเขาส่วนใหญ่จะมีถ้ำ ภายในถ้ำเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกตาราวเนรมิต ส่วนลำน้ำหลีเจียงนั้นคดเคี้ยวและใสสะอาดราวกระจก ทั้งยังเป็นแม่น้ำที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองกุ้ยหลินและเมืองหยางซั่ว นักท่องเที่ยวสามารถล่องแพหรือนั่งเรือล่องไปตามลำน้ำหลีเจียงได้

จิ่วไจ้โกว

จิ่วไจ้โกวซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "ดินแดนแห่งเทพนิยาย" และ "สวรรค์บนดิน" ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลเสฉวน ตรงบริเวณชายขอบด้านตะวันออกเฉียงใต้ของที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบต สูงจากระดับน้ำทะเล 2,000-3,000 เมตร ในบริเวณนี้มีกลุ่มชนชาติทิเบตซึ่งใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายอาศัยอยู่รวมทั้งหมด 9 หมู่บ้าน จึงเรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า "จิ่วไจ้โกว" หรือลำธารแห่งหมู่บ้านทั้งเก้า สีสันและทัศนียภาพของป่าไม้และสายน้ำในจิ่วไจ้โกวงดงามแปลกตาและเปลี่ยนแปลงไปตามฤดูกาล สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของที่นี่ก็คือ น้ำในทะเลสาบแห่งเดียวกันจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง สีเขียว สีฟ้า สีส้มหรือสีอื่นๆ แล้วแต่ฤดูกาล

ภูเขาไท่ซาน

ภูเขาไท่ซานตั้งอยู่ที่เมืองไท่อาน มณฑลซานตงทางภาคตะวันออกของจีน ไท่ซานเป็นภูเขาที่สำคัญที่สุดในบรรดาภูเขาสำคัญทั้ง 5 ในประวัติศาสตร์จีน ในรัชสมัยต่างๆ ของประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่สมัยจักรพรรดิฉินซี ฮั่นอู่ตี้ ถังไท่จง ซ่งไท่จู่มาจนถึงสมัยราชวงศ์หมิงและชิง จะมีการจัดพิธีบวงสรวงขึ้นที่นี่ กษัตริย์ในราชวงศ์ต่างๆ รวม 72 พระองค์ได้เคยเดินทางมาประกอบพิธีบวงสรวงฟ้าดินที่ภูเขาไท่ซานด้วยพระองค์เอง ยอดเขาหลักของภูเขาไท่ซานสูงจากระดับน้ำทะเล 1,545 เมตร นับเป็นขุนเขาที่ยิ่งใหญ่และงดงาม จึงมักมีคนเปรียบภูเขาไท่ซานว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ของชนชาติจีน บนภูเขาไท่ซานมีหินผาตั้งเรียงรายจำนวนมาก ในฤดูหนาวภูเขาจะถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและหิมะ ส่วนในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วงจะปกคลุมด้วยผืนป่าเขียวขจี กวีจีนสมัยโบราณหลายท่านได้เคยมาจารึกบทกลอนมากมายไว้ที่ภูเขาแห่งนี้ จนมีผู้ขนานนามให้ภูเขาไท่ซานเป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะกลางแจ้ง

ภูเขาหวงซาน

ภูเขาหวงซานตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลอานฮุย มีแนวเขาคดเคี้ยวและมีหินรูปร่างแปลกตาอยู่มากมาย ยอดเหลียนฮวาซึ่งเป็นยอดเขาหลักมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,840 เมตร ทัศนียภาพที่มีชื่อเสียงของภูเขาหวงซานคือทะเลหมอก ต้นสนและหินรูปร่างแปลกตา ต้นสนบนภูเขาหวงซานยืนต้นอยู่บนหินผาสูงชัน แลดูเข้มแข็ง มีพลังและเด็ดเดี่ยว โดยมีต้นสนที่ยืนต้นเหมือนกำลังต้อนรับแขกสัญลักษณ์ หวงซานมีฝนชุ่มช่ำ ทำให้มีป่าเขียวทึบและมีเมฆหมอกมาก ทิวทัศน์ของหวงซานเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพอากาศยากที่จะคาดเดา นอกจากนี้ความงดงามของภูเขาหวงซานยังได้สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะแก่ศิลปินจีน หล่อหลอมเป็นวัฒนธรรมหวงซานและกลายเป็นต้นกำเนิดของศิลปะภาพวาดภูเขาและสายน้ำอันมีชื่อเสียงของจีน

สุสานจักรพรรดิฉินซีและสุสานทหารม้า

ซีอานเมืองหลวงของมณฑลส่านซีเคยเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงประจำ 13 ราชวงศ์ จึงเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมที่สำคัญของจีน ราชวงศ์ฉินซึ่งเป็นราชวงศ์แรกในประวัติศาสตร์จีนที่ได้รวมประเทศจีนให้เป็นหนึ่งก็ตั้งเมืองหลวงอยู่ที่นี่เช่นกัน โบราณสถานสำคัญที่มีชื่อเสียงและได้รับเลือกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกที่อยู่ในเมืองซีอานคือสุสานจักรพรรดิฉินซีและสุสานทหารม้า ภายในสุสานทหารม้ามีรูปปั้นดินเผาของทหารและม้าศึกที่ลากรถรบขนาดและรูปร่างเหมือนจริงรวมกว่า 7,000 ตัว โดยรูปปั้นเหล่านี้ถูกจัดวางเป็นกระบวนทัพรูปสี่เหลี่ยม การขุดค้นพบโบราณสถานสองแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นการค้นพบทางโบราณคดีอันยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งในศตวรรษที่ 20

กำแพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีนเป็นสถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อารยธรรมแห่งมนุษยชาติ กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นในสมัยชุนชิวจั้นกั๋วเมื่อกว่า 2,000 ปีมาแล้ว มีความยาวประมาณ 6,700 กิโลเมตร เป็นผลงานการสร้างของเจ้านครรัฐและกษัตริย์กว่า 20 ราชวงศ์ ในสมัยราชวงศ์ฉิน ฮั่นและหมิงกำแพงเมืองจีนมีความยาวมากกว่า 5,000 กิโลเมตร กำแพงเมืองจีนตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศจีน พาดผ่านแนวสันเขาและทะเลทราย ทิศตะวันออกเริ่มต้นที่ด่านซานไห่กวนและสิ้นสุดทางทิศตะวันตกที่ด่านจยาอี้ว์กวน สถาปัตยกรรมอันยิ่งใหญ่นี้ถือเป็นผลึกทางภูมิปัญญาและอนุสรณ์ทางวัฒนธรรมโบราณของชนชาติจีน